EV (Electric Vehicle)
คำว่า EV หมายถึง รถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% เป็นเทคโนโลยีรักษ์โลก ไม่มีท่อไอเสีย เป็นรถยนต์ที่ถูกจับตามอง และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น สังเกตได้จากการที่พบเห็นรถยนต์ไฟฟ้า วิ่งบนท้องถนนมากขึ้นแต่ก่อนมาก รวมทั้งค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน มีการเข้ามาเปิดบริษัทเพิ่มมากขึ้นแต่ก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด
สืบเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า จะมีอุปกรณ์สำคัญหลักๆ หรือ แบตเตอรี่ทำหน้าที่เก็บประจุไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้น การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แบบ 100% เราจำเป็นจะต้องเลือกซื้อขนาดความจุของแบตเตอรี่เป็นสำคัญ
บทความนี้ จะเน้นเฉพาะการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เท่านั้น ไม่รวมถึง รถยนต์ไฮบริด (ใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานน้ำมัน)
วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 100%
- ระยะเวลาการขับ (Driving Rang)
ถือว่าเป็นปัจจัยต้นๆ ที่ต้องพิจารณาก่อนว่า หลังจากชาร์จเต็ม รถยนต์สามารถวิ่งได้ระยะทางมากที่สุดเท่าไหร่ แน่นอน ยิ่งวิ่งได้ไกลเท่าไหร่ ย่อมจะมีผลดี แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น วิ่งได้ 300, 400, 500, 600 หรือ 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม เป็นต้น - ความเร็วในการชาร์จ (Charging Speed)
ยิ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งมีผลดีกับการใช้งาน ทำให้สะดวก แต่ในหลักความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องรอให้ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม ก็สามารถใช้งานต่อได้ เหมือนกับสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกัน - ทดลองขับ (Test Drive)
การจะเลือกซื้อรถยนต์สักคัน ซึ่งไม่ใช่ราคาถูกๆ ดังนั้น การได้ลองขับ น่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ดูภายนอกอาจถูกใจ แต่พอขับ อาจไม่ได้ดั่งที่คิดไว้ - ความคิดเห็น (Reviews)
การเข้าไปอ่านความคิดเห็น หรือคอมเมนท์จากเว็บไซต์ Reviews หรือ YouTube เกี่ยวกับยี่ห้อรถยนต์ที่เรากำลังสนใจ น่าจะเป็นการดีเช่นเดียวกันกับการทดลองขับ อย่างน้อย ก็จะได้มีความเชื่อมั่นว่า จะได้รถยนต์ที่ใกล้เคียงกับใจกับเรามากที่สุด - งบประมาณ (Budget)
เรื่องสำคัญ และน่าจะเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายๆ คน เพราะความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าเลือกรุ่นที่มีราคาสูงเกิน อาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ แนะนำให้เลือกซื้อรถยนต์ให้เหมาะกับงบประมาณเป็นหลัก
- ระบบสัญญาณเตือนรถด้านข้างวิ่งเข้ามาใกล้
- ระบบช่วยจอดอัตโนม้ติ
- ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command)
- สั่งเปิดปิดแอร์
- เพิ่มหรือลดความเย็นของแอร์
- สั่งเปิดวิทยุ
- สั่งสตาร์ตเครื่องยนต์
- ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย (Wireless Charger)
- รีโมทกุญแจ ไม่ต้องเสียบกุญแจเวลาเปิดประตู
- สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถยนต์
- ซันรูฟ (Sunroof) หลังคาที่เปิดรับแสงได้
- ระบบการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน iOS / Android
คุณสมบัติต่างๆ ข้างต้น จะมาพร้อมกับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นในรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคัน ดังนั้น จึงควรพิจารณาเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งาน บางอย่าง อาจไม่จำเป็น ก็ให้ตัดออกจากทางเลือก ทั้งนี้่ จะได้อยู่ในงบประมาณที่เราอาจมีจำกัด
สนนสนใจ ลองดูราคารถยนต์ไฟฟ้า ไม่เกิน 5 แสนบาท ในตลาดปี 2023
รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 5 แสนบาท
- Wuling Hongguang mini EV (สัญชาติจีน) รถยอดนิยมในจีน
- รถยนต์ 3 ประตู 4 ที่นั่งท้ายตัด
- เครื่องยนต์ 27 แรงม้า
- วิ่งได้เร็วสูงสุด 100 กม./ชั่วโมง
- วิ่งได้ไกล 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม
- ใช้เวลาชาร์จ 9 ชั่วโมง
- ราคา 369,000 บาท
- POCCO DD L (สัญชาติจีน)
- รถยนต์ 2 ประตู 4 ที่นั่งท้ายตัด
- วิ่งได้เร็วสูงสุด 100 กม./ชั่วโมง
- วิ่งได้ไกล 128 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม
- ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง
- ราคา 429,000 บาท
- Takano TTE500 (สัญชาติญี่ปุ่น)
- รถยนต์ 2 ประตู ท้ายเป็นกระบะ
- วิ่งได้เร็วสูงสุด 60 กม./ชั่วโมง
- วิ่งได้ไกล 100/120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม
- ใช้เวลาชาร์จ 6-7 ชั่วโมง
- ราคา 490,000 บาท
- FOMM One (สัญชาติญี่ปุ่น)
- รถยนต์ 2 ประตู 4 ที่นั่ง
- เครื่องยนต์ 13.5 แรงม้า
- วิ่งได้เร็วสูงสุด 80 กม./ชั่วโมง
- วิ่งได้ไกล 80 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม
- ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง
- ราคา 499,000 บาท
ส่วนอีกแบรนด์หนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจคือ Neta V 549,000 บาท เกิน 5 แสนไปหน่อย แต่ก็นับว่า เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ขนาดตัวถังประมาณ Toyota Yaris หรือ Honda Jazz เครื่องยนต์ 95 แรงม้า ทำความเร็วได้ 110 กม./ชั่วโมง
ใครมีประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า สามารถแบ่งปันกันได้นะครับ ทางเรายินดี เป็นสื่อกลาง อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ขับรถด้วยความมีสติ และ
Tags:
เทคโนโลยี