ทำความรู้จัก SaaS

เทคโนโลยีสำหรับปัจจุบันและอนาคต

SaaS

ในอดีตที่ผ่านมา ถ้าเป็นคนทำงานด้านไอที คงทราบกันดีว่า เวลาเราต้องติดตั้งระบบซอฟต์แวร์อะไร เรามักจะติดตั้งซอฟต์แวร์นั้นๆ ลงบนคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Server ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่า คือ ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทนทาน และมีประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป

Server เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงกว่าปกติ แถมยังจำเป็นจำต้องใช้พนักงานที่มีความรู้ความชำนาญในการดูแลมากว่าปกติเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำรุงรักษา หรือ maintenance หลังจากที่หมดประกัน รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการสำรองข้อมูล (Backup) อีกด้วย

SaaS คือคำตอบของการแก้ไขปัญหาเรื่อง Server


SaaS คืออะไร

ย่อมาจาก "Software as a Service" หมายถึง การให้บริการใช้งานซอฟต์แวร์ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Server เป็นของตนเอง  การทำงานในลักษณะนี้ เราเรียกว่า การทำงานในระบบคลาวด์ (Cloud)  การใช้บริการนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ก็ใช้กันมานาน อย่างเช่น Gmail ของทางค่าย Google ก็ทำงานบนระบบคลาวด์ เช่นกัน

การใช้บริการ SaaS หรือ Cloud โดยปกติ ค่าใช้จ่าย จะมีการคิดในลักษณะตามจำนวนผู้ใช้งาน หรือ Subscribtion และเป็นราคาที่รวมถึงการสำรองข้อมูลอีกด้วย สะดวก ง่าย ประหยัด การลงทุนในเบื้องต้นค่อนข้างต่ำ แต่การใช้งานในระยะยาว อาจไม่ประหยัด

ข้อดีของ SaaS

  • ไม่จำเป็นต้องซื้อ Server
  • ไม่จำเป็นต้องมีผู้ดูแลด้านเทคนิค
  • มีระบบสำรองข้อมูล
  • มีระบบป้องกันมัลแวร์ (Malware)
  • ลงทุนต่ำ
  • สามารถปรับลด ในส่วนของ CPU, RAM และ Disk ได้ตลอดเวลา
  • สามารถยกเลิกได้ตามความต้องการ ขึ้นกับสัญญา

ข้อเสียของ SaaS

  • อินเตอร์เน็ต จำเป็นจะต้องเสถียร ไม่ล่มบ่อย
  • มีค่าใช้จ่ายรายเดือน รายปี
ปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่หันมาใช้เทคโนโลยีที่รองรับการใช้งาน SaaS หรือ Cloud กันมากขึ้น จากการที่ได้เห็นบริษัทซอฟต์แวร์ต่างๆ มีการพัฒนาและให้บริการผ่าน Cloud เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เรายังจำเป็นจะต้องพิจารณาให้ดีกับ บริษัที่ให้บริการ ความมั่นคง ตลอดจนความน่าเชื่อถือเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า

ฟอร์มรายชื่อติดต่อ